คำอุปมาเรื่องคนงานในสวนองุ่น
มัทธิว 20:1-16
1.ด้วยแผ่นดินสวรรค์อุปมาเหมือน เจ้าของสวนคนหนึ่ง ออกไปจ้างคนทำงานในสวนองุ่นของตนแต่เวลาเช้าตรู่ ครั้นตกลงกับลูกจ้างวันละเดนาริอันแล้ว จึงใช้ให้ไปทำงานในสวนองุ่น
ถอดรหัส:...
พระบิดาที่ทรงประทับอยู่ในแผ่นดินสวรรค์ ทรงเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของสวนองุ่น สวนองุ่นของพระองค์เปรียบได้กับดาวเคราะห์โลกเสรีนี้
พระบิดาทรงมอบหมายให้ พระบุตรของพระองค์คือจิตจักรวาลดวงเล็ก เดินทางข้ามมิติเข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทำหน้าที่กล่าวพระโอวาทแทนพระองค์ต่อมนุษย์โลกเสรีทั้งหลาย ในบทบาทพระศาสดา ซึ่งหมายถึงการนำเอาต้นองุ่นพันธุ์ดีมาเพาะปลูกขยายพันธุ์ไว้บนดาวเคราะห์โลกเสรีนี้ พระศาสดาจึงทรงเป็นเสมือนหนึ่งเจ้าของสวนองุ่นนั่นเอง
เมื่อพระองค์เสด็จลงมาเป็นพระศาสดา และได้ทรงปลูกขยายพันธุ์ต้นองุ่นของพระบิดาแล้ว สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเป็นอย่างแรกก็คือ การคัดสรรคนงานที่จะช่วยกันดูแลต้นองุ่นของพระองค์ ให้เจริญงอกงามจนผลิดอกออกพวงผลอย่างดกดื่น เพื่อให้มนุษย์โลกทั้งหลายได้รับประทานกัน
การคัดสรรคนงานที่ว่านี้ก็คือ การเชิญชวนให้สานุศิษย์ของพระองค์ที่ว่างๆ ให้ช่วยกันนำเอาพระวจนะ และพระโอวาทของพระบิดารวมทั้งพระคำของพระองค์ เผยแพร่ออกไปให้ทั่วโลกหล้า ด้วยการช่วยกันจัดรวบรวมไว้ให้เป็นระเบียบ เสมือนจัดพระธรรมแห่งพระบิดาให้เป็นพวงองุ่นที่แน่นขนัดไปด้วยผลองุ่นลูกโตๆ มีสีสันสวยน่ารับประทาน มีเปลือกบางๆที่สามารถจะรับประทานกันทั้งเปลือกได้ง่ายๆ โดยมิพักต้องปอกให้ยากลำบาก และยังมีรสหวานเมื่อใครๆได้ลิ้มลองอีกด้วย
2.พอเวลาประมาณสามโมงเช้า เจ้าของสวนก็ออกไปอีก เห็นคนอื่นยืนอยู่เปล่าๆ กลางตลาด
จึงพูดกับเขาว่า ‘ท่านทั้งหลายจงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด เราจะให้ค่าจ้างแก่พวกท่านตามสมควร’ แล้วเขาก็พากันไป พอเวลาเที่ยงวัน และเวลาบ่ายสามโมง เจ้าของสวนก็ออกไปอีก ทำเหมือนก่อน ประมาณบ่ายห้าโมงก็ออกไปอีกครั้งหนึ่ง พบอีกพวกหนึ่งยืนอยู่ จึงพูดกับเขาว่า ‘พวกท่านยืนอยู่ที่นี่เปล่าๆ วันยังค่ำทำไม’ เขาตอบว่า ‘เพราะไม่มีใครจ้างพวกข้าพเจ้า’ เจ้าของสวนบอกว่า ‘ท่านทั้งหลาย จงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด
ถอดรหัส:
การว่าจ้างให้คนว่างงานไปทำงานในสวนองุ่น ซึ่งหมายถึง การชักชวนให้ผู้สนใจมาเป็นสาวกคือมาเป็นคนงานของพระองค์ เพื่อดูแลสวนองุ่นดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นนั้น พระองค์ได้ทรงกระทำมาตลอดทุกครั้งที่มีโอกาส พบเจอใครว่างและพร้อมพระองค์ก็จะทรงชักชวนเสมอ เพื่อจะได้มีคนงานที่จะช่วยกันดูแลสวนองุ่นขนาดใหญ่นี้หลายๆคน เพราะพระองค์จะทรงดูแลแพร่ขยายพันธุ์องุ่นของพระบิดาแต่เพียงลำพังพระองค์เดียวไม่ได้
3.ครั้นถึงเวลาพลบค่ำ เจ้าของสวนจึงสั่งเจ้าพนักงานว่า ‘จงเรียกคนทำงานมา และให้ค่าจ้างแก่เขา ตั้งแต่คนมาทำงานสุดท้าย จนถึงคนที่มาแรก’
คนที่มาทำงานเวลาประมาณบ่ายห้าโมงนั้น ได้ค่าจ้างคนละหนึ่งเดนาริอัน
ถอดรหัส:
เมื่อถึงวันปิดยุคพลังงานเก่าอันเปรียบเหมือนเวลาพลบค่ำแล้ว คนงานสวนองุ่นจักต้องหยุดการทำงานของตน พระองค์ก็จะทรงประทานค่าจ้างตอบแทน ซึ่งในที่นี้หมายถึงรางวัลที่คนงานสวนจะได้รับกันจากการทำงานให้แก่พระองค์นั่นเอง
รางวัลตอบแทนที่บรรดาคนงานสวนองุ่น อันหมายถึงอัครสาวกทั้งหลายและประดาผู้สืบสานพระคำทั้งหมดทั้งปวงของพระองค์ก็คือ การได้รับโอกาสให้กลับไปกราบพระบาทพระบิดา ณ แดนสุญตาซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณแก่นแท้ในแต่ละคนนั่นเอง โดยไม่ว่าใครผู้ใดจะขันอาสามาทำหน้าที่สืบสานสั่งสอน เสมือนเป็นคนงานสวนองุ่นของพระองค์ตั้งแต่ยุคแรก มาทำหน้าที่ในยุคกลาง หรือในยุคไหนๆ จนแม้กระทั่งผู้ที่มาทำงานในตอนเย็นๆใกล้พลบค่ำ คือ ทำแค่ไม่นานก็สิ้นวันแล้ว ซึ่งในที่นี้หมายถึงเข้ามาทำหน้าที่ตอนใกล้วันจะปิดยุคแล้วก็ตาม ผู้ใดจะมาก่อนมาหลังไม่สำคัญ แต่รางวัลที่จะได้รับเป็นสิ่งตอบแทนนั้นทุกๆคนจะได้รับเท่ากันหมด คือ การเข้าถึงสภาวะ “นิพพาน” ด้วยการนำพาจิตวิญญาณแก่นแท้ของตนกลับไปกราบพระบาทพระบิดาเหมือนกัน
4.ส่วนคนที่มาแรกนึกว่าเขาคงจะได้มากกว่านั้น แต่ก็ได้คนละหนึ่งเดนาริอันเหมือนกัน
เมื่อเขารับเงินไปแล้วก็บ่นต่อว่าเจ้าของสวนว่า ‘พวกที่มาสุดท้ายได้ทำงานชั่วโมงเดียว และท่านได้ให้ค่าจ้างแก่เขาเท่ากันกับพวกเราที่ทำงานตรากตรำกลางแดดตลอดวัน’
ฝ่ายเจ้าของสวนก็ตอบแก่คนหนึ่งในพวกนั้นว่า ‘สหายเอ๋ย เรามิได้โกงท่านเลย ท่านได้ตกลงกันแล้ววันละหนึ่งเดนาริอัน มิใช่หรือ รับค่าจ้างของท่านไปเถิด เราพอใจจะให้คนที่มาทำงานหลังที่สุดนั้นเท่ากันกับท่าน เราจะใช้เงินทองของเราตามใจของเราเองไม่ได้หรือ ทำไมท่านอิจฉาเมื่อเห็นเราใจดีอย่างนั้นแหละ คนที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนต้น และคนที่เป็นคนต้นจะกลับเป็นคนสุดท้าย”
ถอดรหัส:
อัครสาวกบางคนและผู้อาสาสืบสานพระธรรม ในนามแห่งสาวกของพระองค์ทั้งหลายนั้น ยังมีบางคนที่เป็นผู้เข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ในยุคต้น คือ ยุคแรกๆ มีความคิดเข้าใจว่านับจากวันนั้นตราบจนวันจะปิดยุคนี้แล้ว กาลเวลาที่ตนทำหน้าที่นั้นมันเนิ่นนานผ่านมา ยาวนานยิ่งกว่า โดยต้องลำบากตากแดดมากกว่าคนงานที่เพิ่งจะเข้ามาทำตอนท้ายๆใกล้ปิดยุคแล้ว ตนจึงน่าจะได้รับค่าจ้างตอบแทนที่มากกว่า
พระองค์จึงทรงมีดำรัสตอบแก่สาวกบางคนที่คิดเช่นนี้ว่า พระองค์มิได้ทรงลำเอียง เอาเปรียบ หรือคดโกงผู้ใดเลย เพราะพระองค์ทรงตรัสไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ค่าจ้างตอบแทนที่พระองค์จะทรงมอบให้ คือ ค่าจ้างรายวัน อันหมายถึงการทำหน้าที่ในหนึ่งยุคนั่นเอง
ใครจะมาเกิดวันใด ปีใด ในหกหมื่นปีก่อนที่จะปิดยุคพลังงานเก่า เพื่อทำหน้าที่ดูแลสวนองุ่นบนโลกเสรีนี้
ใครจะเหน็ดเหนื่อยมากน้อยกว่ากันเท่าใด
พอสิ้นยุคแล้วทุกท่านที่มาทำหน้าที่คือทำงานในสวนองุ่นนี้ ต่างก็จะได้รับรางวัลเท่ากันทุกคน คือ กลับบ้านหรือนิพพานนั่นเอง
ไม่มีผู้ใดจะได้รับอะไรเป็นพิเศษมากน้อยไปกว่าใคร
เด็กเส้นนั้นไม่มีไงล่ะ....พี่น้อง.....
ป.วิสุทธิปัญญา
8-04-2014